หลังแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กลับมาชนะ เอซี มิลาน
หลังเสมอ อาร์เซน่อล กลับมาชนะ ไบรท์ตัน
หลังเสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กลับมาชนะ จิโรน่า
หลังเสมอ ฟูแล่ม กลับมาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน..
ทีมหงส์แดงจบปี 2024 อย่างมีสไตล์ บุกถล่มสเปอร์ส 6-3 อัดเลสเตอร์ 3-1 และบุกยำใหญ่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5-0 แต่ 2 เกมผ่านไปในปี 2025 ยังไม่ได้สัมผัสกับชัยชนะเลย
เสมอ แมนยูไนเต็ด ในเกมลีก ต่อด้วยแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในถ้วยลีก คัพ
ว่ากันแบบแฟร์ ๆ ด้วยชื่อชั้นของคู่แข่งที่ต้องเจอและรูปเกมที่ออกมา มันไม่ใช่เกมในลักษณะดวงแตกอะไร ไม่ใช่เกมที่ไล่ยำเขาอยู่ข้างเดียวได้ยิง 20-30 ครั้งแต่โดนสวนโป้งเดียวหงายเงิบ
ไม่ใช่ภาพนั้นเลย..
ทั้ง 2 เกมสูสี ผลการแข่งขันสามารถสวิงออกได้ทั้ง 3 หน้า จะพลิกไปทางไหนก็ได้
ผมคิดว่าผลเสมอดูจะยุติธรรมที่สุดในทั้ง 2 เกมนี้ แต่อย่างน้อยเมื่อผลออกมาเป็นเสมอ 1 แพ้ 1 มันก็ยังดีที่เกมที่ปราชัยนั้นเกิดขึ้นในแมตช์ที่ยังไม่ได้บทสรุป
เพราะ ลิเวอร์พูล กับ สเปอร์ส มีคิวต้องฟาดแข้งกันอีกนัดในรอบตัดเชือกเกมที่สองเดือนหน้า หงส์แดงยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์จากที่แพ้ในเกมแรกกลับมาเป็นฝ่ายชนะเข้าชิงได้
ความพ่ายแพ้เกมที่ 2 ของฤดูกาลเมื่อคืนวันพุธจึงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสถานการณ์ในพรีเมียร์ลีก ทีมยังคงนำอันดับสอง 6 คะแนนพร้อมเกมในมืออีกนัด
หากวิธีการเล่นของ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ฝากการบ้านให้ อาร์เน่อ ชล็อต และลูกทีมต้องนำไปขบคิด เพราะมันไม่ใช่การสะดุดแบบที่มีอะไรคาใจอย่างเกมที่เสมอสาลิกาดงกับฟูแล่ม
สองเกมนั้นลิเวอร์พูลได้แต่เขกกะโหลกตัวเองในความผิดพลาดและอาจจะยังมีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าทีมน่าจะปิดเกมด้วยการเป็นผู้ชนะได้หากไม่เกิดจุดพลิกผันสำคัญขึ้น.. ควีวิน เคลเลเฮอร์ คว้าบอลวืดที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ถูกไล่ออกตั้งแต่ 17 นาทีแรกที่แอนฟิลด์
แต่กับ 2 เกมแรกของปี 2025 เป็นความคาใจอีกแบบ มันคือความคาใจที่แฝงปนมาด้วยความไม่มั่นใจ ความกังวล ความไม่สบายใจในผลงานที่ได้เห็น
เพราะทั้ง 2 เกมไม่ใช่เกมที่เดอะค็อปสามารถพูดได้เต็มปากว่าลิเวอร์พูลดีกว่า เหนือกว่า ไม่อาจรู้สึกเชื่ออยู่ลึก ๆ ได้ว่าควรเป็นผู้ชนะ
ไม่ได้มีจุดพลิกผันใด ๆ ในเกมให้รู้สึกแบบนั้น หรือกระทั่งการรอดใบเหลืองที่สองของ ลูคัส เบิร์กวาลล์ ก่อนเป็นฮีโร่สังหารประตูโทนของเกมที่ลอนดอนเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ตาม เพราะความปั่นป่วนวุ่นวายและติดขัดที่แสดงออกมาให้เห็นตลอด 180 นาทีอยู่เหนือรายละเอียดตรงนั้นไปแล้ว
เกมกับแมนยูไนเต็ดถูกชำแหละแผลเบ้อเริ่มด้านแบ๊กขวา เกมกับสเปอร์สโดนการไล่บีบแดนบนและการเข้าถึงบอลอันเข้มข้นในทุกจังหวะทำเอาตั้งเกมไม่ได้
ความไหลลื่นหายไป แม้จะยังพอสร้างโอกาสทำประตูได้บ้างก็ตามแต่ก็ไม่ได้ราบเรียบเนียนตาและสบายใจอย่างผลงานช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่ส่วนใหญ่เกมจะดูเหนือกว่า ควบคุมสถานการณ์ได้ชัดเจนกว่า
สิ่งหนึ่งที่ผมมองเห็นใน 2 เกมนี้คือคุณภาพที่หายไปของ โดมินิก โซโบซไล
ในช่วงต้นฤดูกาลที่โซโบยังไม่ลงตัวถูกแฟนบอลวิจารณ์หนัก เคอร์ติส โจนส์ สามารถทดแทนได้ แต่กับฟอร์มสุดยอดช่วงส่งท้ายปี 2024 เป็นอีกเรื่อง ผลงานของโจนส์เวลานี้ไม่อาจแทนฟอร์มตรงนั้นของกองกลางชาวฮังการีได้
ตำแหน่งที่ โซโบซไล เล่นคือจุดยุทธศาสตร์สำหรับเกมรุก ขณะที่พลังงานและความดุดันของเขาในการไล่กดดันคู่แข่งถึงเขตโทษคือการสร้างปัญหาแรกให้การตั้งเกมของฝ่ายตรงข้าม มันนำมาซึ่งโอกาสครอบครองบอลในจังหวะสองหรือสาม
เมื่อ โจนส์ เงียบหายไปเลยใน 2 เกมนี้ ผมจึงรู้สึกได้ถึงพลังงานที่หายไปของ โซโบซไล แต่ก็แน่นอนครับมันไม่ได้มีอะไรการันตีเลยว่าถ้าดาวเตะแม็กยาร์อยู่ในสนาม เกมจะดีกว่านี้แน่ ๆ
เพราะการมีหรือไม่มีโซโบที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มก็ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการไม่ชนะใน 2 เกมยากนี้เช่นกัน
การเล่นของ แมนยูไนเต็ด ที่เลือกใช้บอลไดเร็กต์ส่งตรงจากเท้าของ อังเดร โอนาน่า หรือเซนเตอร์แบ๊กของทีมข้ามการตั้งเกมไปที่แดนบนหลังแนวรับลิเวอร์พูลคือการตัดความเสี่ยงที่จะเสียบอลจากการถูกบีบพื้นที่
ทีมปีศาจแดงเลือกเล่นแบบนี้การวิ่งไล่เพรสซิ่งด้านบนของโซโบอาจไร้ประโยชน์ก็ได้
หรือสเปอร์สที่ใช้วิธีเข้าถึงเข้าชิดไม่เปิดโอกาสให้คิดหรือหายใจสะดวกและความตื่นตัวของพวกเขาที่ต้องการแก้ตัวจากเกมที่เพิ่งถูกถล่มกันมาครึ่งโหลก็เช่นกัน นักเตะไก่เดือยทองทุกคนมีสมาธิเต็มเปี่ยม มุ่งมั่นเต็มที่ เน้น ๆ ในทุกการเข้าปะทะ
เจอการเตรียมพร้อมมาดีและเล่นได้อย่างมีวินัยแบบทั้ง 2 เกมนี้ต่อให้โซโบซไลลงสนามก็ใช่ว่าจะการันตีอะไรได้ เขาก็อาจจะเงียบหายไปเลยเหมือนโจนส์ หรือถูกจำกัดบทบาทให้เหลือนิดเดียวแบบเพื่อนคนอื่น ๆ
ทุกอย่างต้องไปพร้อม ๆ กัน ที่สำคัญคือเราต้องไม่ลืมให้เครดิต แมนยูไนเต็ด กับ สเปอร์ส ด้วยที่เล่นได้ดีจริง ๆ จนกลบความโดดเด่นที่เคยมีของนักเตะลิเวอร์พูลแต่ละคนลงไปได้
การบ้านที่ แมนยูไนเต็ด กับ สเปอร์ส ฝากเอาไว้เป็นของแถมนอกเหนือจากผลการแข่งขันคือถ้าต้องเจอกับทีมที่เล่นแบบนี้และมีคุณภาพอย่างนี้อีก ลิเวอร์พูล จะทำได้ดีกว่าเดิมไหม
นั่นคือโจทย์ที่ อาร์เน่อ ชล็อต ต้องนำไปขบคิดและหาวิธีเอาชนะ เหมือนกับที่เขาทำให้เห็นในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกแล้วว่าทีมของเขาเรียนรู้จากความผิดพลาด นำเอาปัญหาและจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไขได้ดี
แน่นอนครับเขากำลังเจอโจทย์ที่ยากกว่าเดิม ครึ่งฤดูกาลหลังที่อันตรายและเดิมพันสูงกว่าครึ่งซีซั่นแรกมาถึงแล้ว
เอฟเอ คัพเข้ามาสมทบ เส้นทางในลีก คัพก็ยังอยู่ ขณะที่แชมเปี้ยนส์ ลีกก็เตรียมเข้าสู่รอบน็อคเอ๊าต์.. ความกดดันมากขึ้น เกมเตะถี่ขึ้น ความตึงเครียดสูงกว่าเดิม
จะก้าวไปประสบความสำเร็จในบั้นปลายได้นั้น ทีมของคุณต้องพร้อมจริง ๆ ทั้งตัวและหัวใจ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล.. ไม่ใช่แค่ลิเวอร์พูลทีมเดียวหรอกที่ต้องเจอ
ไม่ใช่ว่าอุปสรรคนานัปการจะเลือกถาโถมใส่ทีมหงส์แดงเพียงเท่านั้นเสียเมื่อไหร่
ทุก ๆ ทีมต่างก็ต้องเจอเส้นทางที่ทรหดและยากลำบากด้วยกันทั้งนั้น ในลักษณะที่ทั้งเหมือนและแตกต่างกันออกไป
ปัญหาบาดเจ็บ ปัญหาฟอร์มตก ปัญหาโปรแกรมเตะ ปัญหาในสนาม ปัญหานอกสนาม ปัญหาต่าง ๆ นานาเท่าที่มันจะโผล่มาทำหน้าที่ของมัน
ใครเจอน้อยกว่าก็โชคดีไป ใครเจอมากกว่าก็โชคร้ายหน่อย แต่จะให้ราบรื่นตลอดรอดฝั่งนั้นเห็นจะเป็นไปไม่ได้
อยู่ที่ใครจะพลาดน้อยกว่ากัน ลิเวอร์พูลโชคดีกว่าทีมอื่น ๆ ตรงที่ว่าสามารถพลาดได้มากกว่า จากผลงานที่ตุนเอาไว้ในครึ่งฤดูกาลแรก
แต่ก็นั่นล่ะครับ จะหย่อนความมุ่งมั่นไม่ได้เลย
จะเป็นแชมป์ทั้งทีมันก็ต้องยาก ต้องเครียด ต้องกดดันแทบตายอย่างนี้แหละ ย่ามใจว่าอยู่มือเมื่อไหร่ หายนะเริ่มต้นขึ้นเมื่อนั้นทันที..
-ตังกุย-