1. ผีจับ บายินดีร์ - แม็กไกวร์ นั่งสำรอง
รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด วางหมากด้วยการดร็อป อัลตาย บายินดีร์ กลับไปรับบทตัวสำรองตามเดิมแม้นายทวารทีมชาติ ตุรเคีย จะโชว์ฟอร์มหนึบเซฟลูกโทษพา ผีแดง บุกไปเขี่ย อาร์เซน่อล ตกรอบสามถ้วย เอฟเอคัพ ด้วยการดวลลูกโทษชี้ขาด
ด้าน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถูกดร็อปในเกมนี้ตามคาดเพื่อให้เจ้าตัวได้พักหลังเพิ่งหายป่วย และถูกส่งลงเล่นเกมบู๊กับทีม ปืนใหญ่ ทันที
นอกจาก อ็องเดร โอนาน่า และ เลนี่ โยโร่ ที่ได้ออกสตาร์ตแล้ว เจ้าบ้านส่ง อาหมัด ดิยัลโล่ ลงเล่นเป็นตัวจริงอีกรายรวมแล้วมีการปรับทัพสามตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ดาวเตะทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ได้รับภาระวิงแบ็คฝั่งขวาแทน ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่ติดโทษแบนหนึ่งนัดจากการได้สองใบเหลืองโดนไล่ออกในเกมถ้วยน็อกเอาต์
2. นักบุญสลับโผตัวจริงสองตำแหน่ง
เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงรวมสองรายเมื่อเทียบจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่แพ้ เบรนท์ฟอร์ด คารังยับเยิน 5-0 แม้นัดต่อมาพวกเขาจะเฝ้าบ้านเอาชนะ สวอนซี ได้ 3-0 ในเกม เอฟเอคัพ รอบสาม
อีวาน ยูริช กุนซือ เดอะ เซนต์ส จัดทัพด้วยการส่ง ยากินาริ ซากูวาระ และ มาเตอุส เฟร์นานเดส ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน เนธาน วู้ด และ พอล โอนูอาชู ที่มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองทั้งคู่
อย่างไรก็ดี ทีมเยือนมี ฟลินน์ ดาวน์ส ที่บาดเจ็บไปตั้งแต่นัด บ๊อกซิ่ง เดย์ ฟิตสมบูรณ์รอถูกเรียกตัวจากซุ้มม้านั่ง
3. ทีมบ๊วยแน่นะวิ ?
ทั้งๆที่ได้เล่นใน โรงละครแห่งความฝัน แต่ปรากฏว่า แมนฯ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังสิ้นดีเมื่อโดน เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นฝ่ายบุกเข้าหา และกว่าจะเริ่มตั้งหลักลืมตาอ้าปากได้บ้าง เกมก็กินเวลานานถึง 20 นาทีเข้าไปแล้ว
ในทางกลับกัน ทีมเยือนร่ายเพลงแข้งไม่เหมือนกับการเป็นทีมบ๊วยที่แพ้ได้แพ้ดี แพ้แล้วแพ้อีกเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากพวกเขาเป็นฝ่ายเดินเกมรุกกดดันเจ้าบ้านได้อย่างน่าทึ่งหลายต่อหลายจังหวะ และทำเอา โอนาน่า ต้องออกแรงเซฟลูกอันตรายถี่ยิบ
จากฟอร์มของ ผีแดง เท่าที่เห็นกลายเป็นว่าพวกเขาจะเล่นได้ดีในฐานะทีมรองบ่อน แถมต้องเป็นเกมนอกบ้านด้วยดังจะเห็นได้จากสองเกมหลังที่พวกเขาบุกไปเจ๊ากับ ลิเวอร์พูล 2-2 ในเกมลีก และออกไปเขี่ย อาร์เซน่อล ตกรอบสามถ้วย เอฟเอคัพ ด้วยการดวลลูกโทษตัดสินทั้งๆที่มีผู้เล่นน้อยกว่าจากการโดนไล่ออกของ ดาโลต์
ครั้นพอได้กลับมาเล่นในบ้าน แถมได้เจอกับทีมบ๊วย แมนฯ ยูไนเต็ด กลับตกเป็นรอง นักบุญ อย่างชัดเจนเนื่องจากพวกเขาเซ็ตเกมบุกไม่เป็นสับปะรดต่างไปจาก เดอะ เซนต์ส ลิบลับ และถนัดเล่นเกมรับรอโต้กลับมากกว่าอย่างที่แสดงให้เห็นในการบู๊กับระดับทีมบิ๊กอันรวมถึงเกมที่บุกไปพลิกแซงชนะ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงทดเวลาด้วยเช่นกัน
จนในที่สุด นาทีที่ 43 ทำนบของ ผีแดง ก็แตกจนได้ และเป็นการเสียประตูจากลูกเตะมุมอีกตามเคยรวม 10 เม็ดเข้าไปแล้วในซีซั่นนี้โดยลูกโขกที่เสาแรกของ ไทเลอร์ ดิบลิ่ง ตกใส่หลังของ มานูเอล อูการ์เต้ ทะลักเข้าประตูแม้ว่า โอนาน่า จะพยายามผวาปัดแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
ชัดเจนอย่างยิ่งว่า แมนฯ ยูไนเต็ด สมควรตกเป็นรอง 1-0 หลังจบครึ่งแรก แถมน่าจะโดนพังประตูมากกว่านี้ด้วยซ้ำหากไม่ได้ โอนาน่า ช่วยลดอาการบาดเจ็บเอาไว้เนื่องจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ส่งบอลเข้ากรอบได้มากถึง 5 ครั้งจากโอกาส 8 ครั้ง ขณะที่ทีมเจ้าบ้านยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียวจาก 10 ครั้ง
สำหรับการเสียประตูจากลูกเตะมุมในซีซั่นนี้ 10 ครั้งแล้วเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดอันดับสองของ แมนฯ ยูไนเต็ด เองรองจากซีซั่น 2023/23 ซึ่งพวกเขาโดนเจาะตาข่ายจากลักษณะเดียวกันนี้ 11 เม็ด แต่แน่นอนว่าซีซั่นนี้เพิ่งผ่านมาแค่ 21 นัด ฉะนั้น ผีแดง จึงยังมีโอกาสสร้างสถิติที่ย่้ำแย่นี้เพิ่มได้อีก
4. ขาด อาหมัด ขาดใจ
จะว่าไป เกมในครึ่งหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน ยังเล่นกันได้ดี และมีแววกำราบ แมนฯ ยูไนเต็ด คารังได้ไม่น้อย แต่เผอิญว่าซีซั่นนี้ อาหมัด สถาปนาตัวเองเป็นคีย์แมนเบอร์หนึ่งของทีมในยุค อโมริม อย่างเต็มตัวแล้ว และในที่สุดสตาร์ทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ก็ระเบิดฟอร์มเก่งได้อย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่ใน 45 นาทีแรก เขาแทบทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย
จากการซัดแฮททริคพาทีมล้ม เดอะ เซนต์ส 3-1 เท่ากับว่า อาหมัด ใช้เวลาแค่ 12 นาทีก็ยิงได้สามประตูแต่เพียงผู้เดียว และเป็นแฮททริคแรกของเขากับทีมชุดใหญ่
ขณะเดียวกัน ในวัย 22 ปี 189 วัน มีเพียง เวย์น รูนีย์ คนเดียวเท่านั้นที่ยิงแฮททริคในเกม พรีเมียร์ลีก ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ขณะมีอายุน้อยกว่า 21 ปี 4 วันนัดปะทะกับ โบลตัน เมื่อเดือนต.ค.2006 แต่แน่นอนว่า อาหมัด เป็นนักเตะ ผีแดง อายุน้อยที่สุดที่ตะบันแฮททริคเกม พรีเมียร์ลีก ได้ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ถึงตอนนี้ อาหมัด ซึ่งได้ลงเล่นให้ ผีแดง ครบทั้ง 14 นัดในยุคของ อโมริม มีส่วนกับการทำประตูในการออกสตาร์ตเกม พรีเมียร์ลีก 13 นัดหลังเพิ่มเป็น 12 เม็ดแล้ว (ยิง 6 แอสซิสต์ 6)
5. กัปตันพูดถูก
แม้ว่าสุดท้ายแล้วเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะพลิกนรกแซงชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ 3-1 แต่มันสะท้อนถึงการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่ ผีแดง ไม่อาจโชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็นจนทำให้ทีมมีผลงานสามวันดีสี่วันไข้อย่างที่เห็น
ใช่เลย กัปตันโปรตุกีสพูดได้ถูกเผงเพราะทั้งๆที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ร่ายลีลาได้อย่างน่ายกนิ้วให้ในสองเกมที่ผ่านมา แต่พวกเขาเกือบตกม้าตายซะแล้วหากไม่ได้ อาหมัด เซฟทีมเอาไว้
ขณะเดียวกัน ก่อนเกมบู๊กับ เดอะ เซนต์ส อโมริม เอ่ยขณะแถลงข่าวว่ารู้สึกกังวลเนื่องจากนักเตะ ผีแดง เล่นเกมเหย้ากันได้ไม่ดีเท่าที่ควรจากการถูกความกดดันเล่นงาน
ได้ยินได้ฟังแล้วเหมือนว่า อโมริม ต้องการออกตัว แต่เอาเข้าจริงมันเป็นเหมือนที่กุนซือเลือดฝอยทองเอ่ยเอาไว้ไม่มีผิดว่ามันเป็นเกมที่น่ากังวลเนื่องจาก ผีแดง ถูกคาดหมายว่าจะต้องชนะ เดอะ เซนต์ส สถานเดียวด้วยเหตุที่ทีมบ๊วยได้เฮเกมลีกซีซั่นนี้แค่นัดเดียวเท่านั้น และสุดท้ายดาวเตะ เร้ด เดวิลส์ เกือบโดนความกดดันเล่นงานอีกจนได้ แต่ให้น่าเศร้าแทนทีม นักบุญ ที่แม้แต่แต้มเดียวก็ไม่อาจคว้ากลับรังได้เมื่อมาโดนพิษสงของ อาหมัด เล่นงานเข้าให้เต็มเปา
เอาเป็นว่าหลังรอดตายโดยเกือบแพ้ที่ โรงละครแห่งความฝัน เป็นนัดที่สี่ติดต่อกัน แมนฯ ยูไนเต็ด จะยังถูกจับตามองต่อไปว่าเมื่อไหร่หนอที่พวกเขาจะสร้างผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาสักที และมันจะเป็นไปได้ภายในซีซั่นนี้หรือไม่?