1.แม้จะบดหนักมา 120 นาทีเต็มในการศึกครั้งล่าสุด แต่ รูเบน อโมริม ก็ไม่ได้ "โรเตชั่น" อะไรมากนัก คือถ้าไม่นับผู้รักษาประตู เขาเปลี่ยนผู้เล่นแค่ 2 ตำแหน่งเท่านั้น
เลนี่ โยโร่ ลงเล่นแทน แฮร์รี่ "คนสู้ชีวิต" แม็กไกวร์ ที่อ่อนล้า
อาหมัด ดิยัลโล่ ลงเล่นแทน ดิโอโก้ ดาโลต์ ที่ติดโทษแบนในตำแหน่ง "วิง-แบ็คขวา"
2. ปีศาจแดงเปิดฉากอย่างคึกคักนะครับ แต่เล่นไปเล่นมา ผู้ชมทางบ้านอย่างผมก็เผลอสบถออกมาว่า "เชี่ย...อะไรเนี่ย ???"
เพราะเดี๋ยว เซาแฮมป์ตัน ก็บุกเข้ามา และเดี๋ยวก็บุกเข้ามาแบบไม่เกรงใจความเป็นเจ้าบ้านของ แมนฯ ยูไนเต็ด เลย !!!
ผู้มาเยือนไม่ได้มาพร้อมรถบัสแล้วถอยไปตั้งรับนะครับ ขอโทษ พวก "นักบุญ" บีบสูงพลางเพรสส์เข้าใส่ แถมประกบติดตามตำแหน่งแบบตัวต่อตัว
เจอแบบนี้เข้าไป ผู้เล่นพันธุ์อสูรก็ขึ้นเกมไม่ถนัด เพราะเล่นช้าก็ถูกบีบอัด เล่นเร็วก็เสียบอลง่าย
มิหนำยังเสียประตูจากลูกเตะมุมอีกแล้ว
3. เมื่อต้องเดินหน้าบุก ไม่ใช่ตั้งรับแล้วรอสวนกลับเหมือน 2 เกมล่าสุด เกมรุกของ แมนยูไนเต็ด ก็ยังมีปัญหาเหมือนเดิม
สิ่งที่เห็นอันดับแรกคือมี "ตัวรุก" น้อยไป คือมีแค่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส, อเลฮานโดร การ์นาโช่, อาหมัด ดิยัลโล่ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ เพียง 4 คนเท่านั้นเอง
อันดับต่อมาคือกองหน้าตัวเป้า เก็บบอลไม่ได้ ไม่มีพิษสง และไม่มีอันตรายต่อเกมรับของคู่แข่ง
รูปเกมไม่ได้เหนือกว่า ทำเกมรุกก็ไม่ค่อยถนัด โอกาสทะลวงตาข่ายจึงกลายเป็นสิ่งหายาก ต่อเมื่อมีโอกาสก็ไม่เด็ดขาดกันอีก
4. ดูจากรูปเกมในครึ่งแรก ชะรอยว่าลำบากแน่ เพราะเกมรุกฝืดเคืองอย่างจงหนัก
จุดนี้ต้องชื่นชม กุนซือชาววิลาศโปรตุเกสที่มิได้นิ่งนอนใจ
อันโตนี่ เดอะ มอนส์เตอร์ ถูกส่งลงมาควงสว่านแทน ค๊อบบี้ เมนู แล้วขยับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง
แต่นักเตะที่สร้างความแตกต่างอย่างรุนแรงกลับเป็น โจชัว เซิร์คซี่ ที่ลงมาแทน ราสมุส ฮอยลุนด์
"อาจารย์ดู๋" เก็บบอลได้ พลิกบอลได้ และจ่ายบอลได้จนช่วยให้เกมรุกมีรูปมีทรงมากขึ้นชัดเจน แถมมีส่วนกับประตูตีเสมอ
หลังตีเสมอได้ รูเบน อโมริม สั่งลูกทีมขย่มต่อทันที แล้วก็ส่ง คริสเตียน เอริคเซ่น ลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง เพื่อขยับ "บรูโน่" ขึ้นไปรุกแบบเต็มตัว ก่อนที่ดาวเตะพันธุ์โคนมจะเบิ้ลบอลจังหวะเดียวให้ อาหมัด ซัลโวประตูนำได้สำเร็จ
5.จริงๆ แมนยูไนเต็ด ไม่ถึงกับเล่นแย่ หรือห่วยแตกอะไร แล้วค่อยมาระเบิดฟอร์มในช่วง 10 นาทีสุดท้ายนะครับ
เซาธ์แฮมป์ตัน ต่างหากที่สร้างความลำบาก & ระทมกบาลให้กับพวกเขา ด้วยการวิ่งพล่านและไล่ล่าอย่างหื่นกระหาย แถมใช้ความเร็วและคล่องของผู้เล่นในแผนกเกมรุกเล่นงานจนป่วนปั่นไปหมด
โชคดีของเจ้าถิ่นที่ "ทีมบ๊วย" ไม่เด็ดขาด ทั้งที่มีโอกาสมากมายก่ายกอง (ไม่งั้นจะเป็นทีมบ๊วยเหรอ)
"ปีศาจแดง" จึงยังมีชีวิตรอดจนถึงจังหวะที่ผู้มาเยือนออกอาการเหี่ยวปลายแล้วเด๊ดห่าในที่สุด