การทำโลโบโตมี (Lobotomy) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่เคยถูกใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตใจอย่างรุนแรงในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 แม้ว่าจะเคยถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาจากการทำโลโบโตมีนั้นกลับสร้างความสะเทือนใจและความวิตกกังวลในสังคม
โลโบโตมีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำโลโบโตมีบริเวณเปลือกสมองส่วนหน้า (prefrontal lobotomy) เป็นการตัดหรือแยกการเชื่อมต่อในสมองส่วนหน้าซึ่งมีผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของบุคคล การทำโลโบโตมีได้รับความนิยมในช่วงปี 1930 ถึง 1960 โดยแพทย์บางคนเช่น วอลเตอร์ ฟรีแมน (Walter Freeman) ได้ทำการผ่าตัดนี้มากกว่า 3,400 ครั้ง แม้ว่าจะมีการอ้างว่าเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง
ภาพถ่ายก่อนและหลังการทำโลโบโตมีมักจะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในชีวิตของผู้ป่วย หลังจากการผ่าตัด หลายคนประสบกับการเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพ สูญเสียความสามารถในการคิดและรู้สึก และบางรายถึงขั้นไม่สามารถดูแลตนเองได้อีกต่อไป แม้ว่าอาจจะดูเหมือนว่าผู้ป่วยบางรายมีอารมณ์ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วพวกเขามักจะสูญเสียความสามารถในการมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวัน
หนึ่งในกรณีที่โดดเด่นคือ โรสแมรี่ เคนเนดี (Rosemary Kennedy) ซึ่งถูกทำโลโบโตมีเมื่ออายุ 23 ปี ผลจากการผ่าตัดทำให้เธอสูญเสียบุคลิกภาพและต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานพยาบาลจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2005 กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบที่รุนแรงจากการทำโลโบโตมี ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถดูแลตนเองได้และต้องพึ่งพาผู้อื่น
แม้ว่าจะมีข้ออ้างว่าผู้ป่วยบางรายได้รับประโยชน์จากการทำโลโบโตมี แต่โดยรวมแล้ว การศึกษาวิจัยพบว่าผลข้างเคียงจากการทำโลโบโตมีนั้นรุนแรงเกินไปและไม่เหมาะสมสำหรับการรักษาโรคทางจิตเวช การสะท้อนถึงภาพถ่ายและเรื่องราวเกี่ยวกับโลโบโตมีจึงเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของจริยธรรมในการรักษาทางจิตเวช และความจำเป็นในการใช้วิธีการที่มนุษยธรรมในการดูแลสุขภาพจิต.