เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศ เมื่อวานนี้ (7 มกราคม 2568) ว่า นาย คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ สั่งแบนห้ามรับประทานหรือทำฮอทดอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในควบคุมวัฒนธรรมตะวันตก พร้อมระบุว่าใครฝ่าฝืนถือเป็นการก่อกบฎกับเกาหลีเหนือ ผู้ฝ่าฝืนนั้นอาจจะถูกจับกุมและตัดสินให้ใช้แรงงานได้ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลที่จะล้มล้างวัฒนธรรมทุนนิยมในหมู่ประชาชน
รัฐบาลได้ห้ามขายอาหารอีกหลายชนิด แต่ที่สำคัญคือ ฮอตดอก, บูแด-จิเก และ ต็อกโบกี เพราะเป็นอาหารยอดนิยมที่ได้รับอิทธิพลจากเกาหลีใต้ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่นิยมชาติฝั่งตะวันตก
โดย บูแด-จิเก หรือที่เรียกกันว่า สตูว์ของกองทัพ คืออาหารผสมผสานระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการใช้ไส้กรอกหรือแฮมเป็นส่วนประกอบ เช่นเดียวกันกับ ต็อกโบกี อีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อของเกาหลีใต้ก็ถูกแบนเช่นกัน เรดิโอ ฟรี เอเชีย (RFA) รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า ขณะนี้จังหวัดรยางกังทางตอนเหนือ ได้ยุติการขายฮอตดอกและบูแด-จิเกในท้องตลาดแล้ว
ทั้งนี้เกาหลีเหนือได้ออกกฎหมายว่าผู้ใดที่เผยแพร่วัฒนธรรมที่ไม่เหมาะสม หรือแสดงพฤติกรรมที่ต่อต้านระบบสังคมนิยมนั้นมีความผิด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีเคส เกาหลีเหนือประหาร 3 นักเรียน ม. ปลายสามคน หลังจากที่ถูกจับได้ว่าดูซีรีย์เกาหลีใต้และซีรีย์อเมริกัน โดยทั้งสามถูกจับได้ในขณะที่พยายามจะเผยแพร่ซีรีย์ให้กับเพื่อนๆ หรือในช่วงเดือนธันวาคมปี 2567
ที่ผ่านมามีรายงานว่า การหย่าร้างก็ถือเป็นแสดงพฤติกรรมที่ต่อต้านระบบสังคมนิยม โดยมีรายงานว่าผู้หญิง 80 คน และผู้ชาย 40 คน ถูกลงโทษไปให้ใช้แรงงาน ซึ่งโทษของผู้หญิงจากการหย่าร้างนั้นจะรุนแรงกว่าผู้ชาย