เรื่องราวการตรวจสอบพฤติกรรมของพระพลอดีตเจ้าอาวาสวัดดานพระอินทร์ในข้อหาพฤติกรรมไม่สมควร
กรณีของพระพล อดีตเจ้าอาวาสวัดดานพระอินทร์ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการมีสัมพันธ์กับสีกา ซึ่งเป็นเรื่องที่สะเทือนวงการพระสงฆ์ และสร้างความตกใจให้แก่สาธารณชน เมื่อทางสีกาได้ออกมาเปิดเผยว่า พระพลได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตนเองมาตลอดหลายปี และมีหลักฐานต่างๆ รวมถึงแชตข้อความและคลิปเสียงที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ในลักษณะชู้สาว
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นสีกาที่เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวในวันที่ 13 มกราคม 2568 ได้ออกมาพูดในรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระพล โดยยืนยันว่าเธอและพระพลมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันมาตั้งแต่ปี 2560 และเพิ่งจะยุติความสัมพันธ์ในปี 2567 โดยเธอยังเปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เธอมีเพศสัมพันธ์กับพระพลเกิดขึ้นในบริเวณลานพญานาคภายในวัดดานพระอินทร์
การเปิดเผยข้อมูลของน.ส.เอ ไม่ได้มีแค่คำกล่าวหาลอยๆ แต่เธอยังได้นำเสนอหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น แชตข้อความที่เธอสื่อสารกับพระพลผ่านแอปพลิเคชันไลน์ รวมถึงคลิปเสียงที่ยืนยันถึงการพูดคุยกันในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีสลิปการโอนเงินจากบัญชีของพระพลที่โอนเข้าบัญชีของเธอเป็นจำนวนหลายครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถใช้ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้
เมื่อข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผย เจ้าคณะอำเภอนิคมคำสร้อย พระครูวชิรธรรม พินิต ซึ่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้มีการประชุมที่ห้องประชุมวัดเหล่าต้นยม ต.หนองแวง อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งพระครูวชิรธรรมได้สอบสวน น.ส.เอ ถึงพฤติกรรมของพระพล และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้
ในช่วงที่มีการสอบสวนนี้ พระพลได้มีการออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาด้วยการยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความผิดใดๆ และเชื่อว่าการมีความสัมพันธ์กับสีกาเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่การมีพฤติกรรมเช่นนี้ในฐานะพระสงฆ์ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อสมณวิสัย โดยเขายืนยันว่าเขาจะไม่ยอมรับว่าทำผิด และหากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง เขาก็พร้อมที่จะยอมรับการตัดสินและพร้อมที่จะพ้นจากการเป็นพระ
เรื่องราวนี้เป็นสิ่งที่สร้างความสะเทือนใจให้กับวงการพระสงฆ์และสังคมไทย โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาความประพฤติที่เหมาะสมและตรงตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา การกระทำที่ไม่เหมาะสมของพระพลเป็นการละเมิดทั้งข้อบังคับภายในวงการพระสงฆ์และศีลธรรมในสังคม ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการตรวจสอบและกำกับดูแลการปฏิบัติตัวของพระสงฆ์ในประเทศไทย
เรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงข้อบกพร่องในระบบการควบคุมภายในวงการพระสงฆ์ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจังหรือละเลยความผิดที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีคำสั่งและข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของพระสงฆ์ แต่การกระทำเช่นนี้ก็เป็นการล่วงละเมิดข้อบังคับและทำให้ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ในสังคมได้รับผลกระทบ