เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ในวันนี้ (14 มกราคม 2568) โดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลปักกิ่ง กำลังหารือกันเป็นการภายใน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ ในการให้ไบต์แดนซ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง และเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก ขายกิจการในสหรัฐ ให้แก่บริษัทเอ็กซ์ ของนายอีลอน มัสก์ หลังจากนั้น เอ็กซ์จะนำติ๊กต็อกไปผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มต่อไป เบื้องต้น มีการประเมินมูลค่ากิจการของติ๊กต็อกในอเมริกา ไว้ที่ระหว่าง 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.38-1.73 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า มัสก์จะจัดการกับธุรกรรมในเรื่องนี้อย่างไร หรือเจ้าตัวต้องขายทรัพย์สินอื่นด้วยหรือไม่ ด้านสำนักงานของติ๊กต็อกในสหรัฐ กล่าวว่า รายงานของบลูมเบิร์ก ไม่มีมูลความจริง ทั้งนี้ สภาคองเกรสของสหรัฐผ่านกฎหมาย เมื่อปีที่แล้ว กดดันให้ต้องมีการขายกิจการของติ๊กต็อกในสหรัฐ“เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน มิเช่นนั้น แอปพลิเคชันดังกล่าวจะไม่สามารถใช้การได้ในอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. นี้ หรือหนึ่งวัน ก่อนการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อนึ่ง ทีมงานฝ่ายกฎหมายของทรัมป์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขอให้มีการพิจารณาระงับใช้กฎหมายปิดกั้นการเข้าถึงติ๊กต็อก เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หาทางออกทางการเมืองที่สามารถประนีประนอมร่วมกันได้ แม้ทรัมป์เคยต่อต้านติ๊กต็อกอย่างหนัก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐสมัยแรก ระหว่างปี 2560-2564 โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่าติ๊กต็อกเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างผลดีให้กับตัวเขา มีการตอบสนองด้วยจำนวนผู้เข้าชมหลายพันล้านคน คลิปหลายคลิปติดอันดับมีผู้ชมสูงสุด ดังนั้น เขาจึงมองว่า ควรเก็บติ๊กต็อกต่อไปอีกสักระยะ