เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวเอเอฟพี จากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ในวันนี้ (15 มกราคม 2568) ว่าบริษัทเมตาเตรียมเลิกจ้างพนักงาน ผลงานต่ำ ประมาณ 3,600 คน แต่จะมีการจัดหาลูกจ้างคนใหม่ เข้ามาแทนผู้ที่ถูกปลดออกไป โดยเมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอตส์แอปป์ ยืนยันว่า การตัดสินใจของเจ้าของบริษัท คือ นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จะส่งผลกระทบต่อพนักงาน 5% จากที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วโลกราว 72,400 คน ตามสถิติเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว
ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า การเลิกจ้างตามผลการปฏิบัติงาน มีจุดประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทมี บุคลากรซึ่งมีความสามารถสูงสุด และสามารถดึงดูดคนใหม่เข้ามาได้ การเลิกจ้างตามผลการปฏิบัติงาน เป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปของบริษัทใหญ่ ๆ ในสหรัฐ เช่นเดียวกับไมโครซอฟท์ ซึ่ง บิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า ไมโครซอฟท์ประกาศเลิกจ้างพนักงานในลักษณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แต่ส่งผลกระทบต่อพนักงานไม่ถึง 1% การเลิกจ้างของเมตาครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สามในรอบ 3 ปี เกิดขึ้นท่ามกลางการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ว่าเป็นความพยายามปรับตัวของซักเคอร์เบิร์ก ให้สอดคล้องกับแนวคิดอนุรักษนิยมของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งสิ่งที่ซักเคอร์เบิร์กทำก่อนหน้านี้ รวมถึงการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับทรัมป์ และการเสนอชื่อสมาชิกพรรครีพับลิกัน ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกิจการสาธารณะของเมตา นอกจากนี้ เมตาประกาศยุติโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงในอเมริกาเหนือ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวมักถูกวิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษนิยมว่า เป็นการเซ็นเซอร์สื่อ