โดยเป็นการเปิดเผยของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ในวันนี้ (17 มกราคม 2568) ว่าประชากรจีนมีจำนวนลดลง 3 ไตรมาสต่อเนื่องในปี 2567 โดยที่จำนวนผู้เสียชีวิตแซงหน้าการเกิดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการลดลงของประชากรจีนจะยิ่งเลวร้ายลงในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ประชากรจีนในปี 2567 มีจำนวนลดลงไป 1.39 ล้านคน เหลืออยู่ที่ 1,408 ล้านคน เมื่อเทียบกับในปี 2566 จีนมีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 1,409 ล้านคน
ด้านนักประชากรศาสตร์ชี้ว่า อัตราการแต่งงานในจีนในปี 2566 เพิ่มขึ้น 12.4% ส่งผลให้การอัตราการเกิดฟื้นตัวขึ้นชั่วคราวในปี 2567 แต่คาดว่าการเกิดจะลดลงอีกครั้งในปี 2568 ข้อมูลที่เปิดเผยออกมาล่าสุดนี้ยิ่งตอกย้ำความกังวลมากขึ้นว่าจีน ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จะต้องดิ้นรนต่อสู้กับจำนวนแรงงานและผู้บริโภคที่ลดลง
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลประชากรผู้สูงอายุและสิทธิประโยชน์ของคนวัยเกษียณที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นให้กับรัฐบาลท้องถิ่นที่มีภาระหนี้อยู่แล้ว อัตราเกิดในจีนลดลงมานานหลายทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากนโยบายลูกโทนของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2523-2558 รวมถึงการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว แม้หลายปีมานี้จีนจะยกเลิกนโยบายลูกโทนเพื่อกระตุ้นให้ชาวจีนมีลูกเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล และเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ชาวจีนจำนวนมากได้ย้ายจากชนบทเข้ามาอยู่ในเมืองซึ่งการมีบุตรนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง