ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ออกคำแนะนำให้โรงพยาบาลเร่งตรวจผู้ป่วยที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อไข้หวัดนก หลังพบผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 ที่ไม่ได้มีประวัติสัมผัสกับสัตว์ในสหรัฐฯ
กรณีล่าสุดคือเด็กในซานฟรานซิสโกที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ H5N1 และก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยในมิสซูรีที่ติดเชื้อไข้หวัดนกโดยไม่มีประวัติสัมผัสกับสัตว์เมื่อปีที่แล้ว
เนื่องจากการตรวจพบการติดเชื้อเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยมีอาการหลายวันหรือหลายสัปดาห์ การติดตามหาสาเหตุและป้องกันการแพร่เชื้อจึงเป็นไปได้ยาก
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ CDC ได้ขอให้ห้องปฏิบัติการสาธารณสุขของรัฐทำการทดสอบเพิ่มเติมในตัวอย่างผู้ป่วยที่ผลตรวจเบื้องต้นพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด A เพื่อระบุชนิดย่อยของไวรัส เช่น H1N1, H3N2 หรือ H5N1
CDC ยังเรียกร้องให้แพทย์และโรงพยาบาลทำการตรวจชนิดย่อยในผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลซึ่งผลตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด A โดยควรตรวจภายใน 24 ชั่วโมงหลังการเข้ารับการรักษา
ระบบใหม่ช่วยป้องกันและรักษาได้เร็วขึ้น
ดร.นิราฟ ชาห์ รองผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า การตรวจชนิดย่อยของไวรัสช่วยให้ทราบว่าไวรัสที่พบเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทั่วไป หรือเป็นชนิดใหม่อย่าง H5N1 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์
“ระบบปัจจุบันแค่บอกว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต แต่สิ่งที่เราต้องการคือระบบที่บอกว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้” ชาห์กล่าว
ระบบที่รวดเร็วขึ้นจะช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และช่วยให้แพทย์สามารถใช้ยาต้านไวรัส เช่น Tamiflu ในระยะที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือช่วงต้นของการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความถี่ของการติดเชื้อไข้หวัดนก หากไวรัสเริ่มแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นในมนุษย์
สถานการณ์ในสหรัฐฯ
ฤดูไข้หวัดใหญ่ในปีนี้พบผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลจากไข้หวัดใหญ่ชนิด A แล้วกว่า 100,000 ราย และคาดว่าจะเพิ่มอีก 100,000 รายก่อนฤดูนี้สิ้นสุด
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกแผนการรับมือสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีวัคซีนแบบ RNA ที่ได้รับเงินสนับสนุน 211 ล้านดอลลาร์เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากโรคไข้หวัดนกและโรคระบาดอื่นๆ
ดร.เอริค ดีเบิล ผู้นำการรับมือไข้หวัดนกจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่กว่า 300 คนทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านการทำงานระหว่างรัฐบาลชุดปัจจุบันกับชุดใหม่
“เรามั่นใจว่าบุคลากรจะยังคงทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมต่อไป” ดีเบิลกล่าว