เงินฉุกเฉิน เปรียบเสมือนหมอนรองที่คอยรองรับเรายามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น เจ็บป่วยกะทันหัน หรือตกงาน การมีเงินก้อนจะช่วยลดความกังวลเรื่องปัญหาการเงินได้
ในยุคที่ค่าใช้จ่ายรายวันพุ่งสูงขึ้น ทั้งค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือซ่อมแซมบ้าน มักจะมาเยือนในช่วงเวลาที่เราไม่ได้เตรียมตัวไว้ ปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ไม่มีเงินฉุกเฉิน จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ สำหรับใครที่กำลังมองหาเงินฉุกเฉินอยู่ บทความนี้มีคำแนะนำให้ลองพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจกู้เงินด่วนฉุกเฉิน
เงินออมฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรมี เพราะชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เล็กน้อย เช่น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสิ่งของ หรือเหตุการณ์ใหญ่ เช่น การเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือการสูญเสียงาน การมีเงินฉุกเฉินช่วยป้องกันความตึงเครียดในชีวิต และลดความตื่นตระหนกในยามที่ต้องเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินได้ และช่วยลดการพึ่งพาการกู้ยืมเงินจากที่อื่น หรือการสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความมั่นคงทางการเงิน และป้องกันไม่ให้แผนการเงินระยะยาวได้รับผลกระทบ แม้จะเริ่มต้นสะสมเงินฉุกเฉินได้เพียงเล็กน้อย แต่การมีเงินสำรองไว้สำหรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนั้นถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนในชีวิตได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
มนุษย์เงินเดือนควรมีเงินฉุกเฉินอย่างน้อย 10-20% ของรายได้ต่อเดือน เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยเงินสำรองนี้ควรถูกกันไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล การซ่อมแซมสิ่งของจำเป็น หรือรองรับในกรณีที่รายได้ขาดหายชั่วคราว นอกจากนี้ เงินสำรองฉุกเฉินควรสะสมให้เพียงพอสำหรับครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าเช่า ค่าผ่อนบ้าน หรือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างน้อย 3-6 เดือน หากเริ่มต้นสะสมยาก ควรเริ่มจากจำนวนที่ทำได้ เช่น 5% ของรายได้ และเพิ่มขึ้นเมื่อสถานการณ์ทางการเงินดีขึ้น
ใครจะกำลังมองหาเงินฉุกเฉินอยู่ และตัดสินใจที่จะยื่นกู้ฉุกเฉินนั้น มีข้อควรรู้ที่ต้องทราบ ดังนี้
หนึ่งในข้อควรระวังก่อนกู้เงินฉุกเฉิน คือการพิจารณาแหล่งเงินกู้ที่เลือกใช้อย่างรอบคอบ แหล่งเงินกู้ผิดกฎหมายมักมีลักษณะดึงดูดใจ เช่น การอนุมัติรวดเร็ว ดอกเบี้ยต่ำเกินจริง หรือไม่มีการตรวจสอบเอกสาร แต่แท้จริงแล้วมักมีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมแฝงที่สูงเกินกำหนด และอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายหรือการถูกคุกคามในภายหลัง ควรเลือกใช้บริการจากสถาบันการเงินที่ได้รับการรับรองจากทางการเท่านั้น
ก่อนตัดสินใจกู้เงินฉุกเฉิน ต้องแน่ใจก่อนว่ามีแผนการชำระหนี้ที่ชัดเจน เพราะหากผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลให้เกิดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงค่าปรับที่ทำให้ภาระหนี้สินพอกพูนจนยากต่อการจัดการ การประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองและการคำนวณรายรับ-รายจ่ายอย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การกู้เงินจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือหรือการกู้เงินนอกระบบ อาจเสี่ยงต่อการเผชิญกับแก๊งทวงหนี้โหดที่ใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม หรือรบกวนความเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจกระทบต่อสภาพจิตใจและความปลอดภัยในชีวิตได้ ดังนั้น จึงควรเลือกแหล่งเงินกู้ที่น่าเชื่อถือ และถูกต้องตามกฎหมายจะดีที่สุด
การกู้ฉุกเฉินโดยไม่มีแผนการชำระที่ดี อาจทำให้พลาดการชำระหนี้ตรงเวลาและส่งผลให้ติดเครดิตบูโร ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการขอสินเชื่อในอนาคต เช่น การขอสินเชื่อบ้านหรือรถยนต์ หากต้องการกู้เงินฉุกเฉิน ควรใส่ใจในกำหนดชำระและจัดการหนี้ให้ครบถ้วน เพื่อรักษาเครดิตทางการเงินที่ดี
เมื่อเกิดความจำเป็นต้องกู้เงินฉุกเฉิน การวางแผนจัดการหนี้อย่างรอบคอบจะช่วยป้องกันปัญหาหนี้สินในระยะยาว โดยอาจเริ่มต้นด้วยการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ โดยคำนวณรายได้และค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน หากมีรายได้ส่วนเกิน ให้จัดสรรเป็นเงินสำหรับชำระหนี้เป็นอันดับแรก จากนั้นวางแผนชำระหนี้ในลำดับความสำคัญ เช่น หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน หรือหนี้ที่มีกำหนดชำระเร่งด่วน
ในการเลือกแหล่งกู้เงินฉุกเฉิน ควรเลือกแหล่งที่เหมาะสมและปลอดภัย เช่น กู้เงินฉุกเฉินกับธนาคาร ซึ่งมักมีดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่ชัดเจน หรืออาจพิจารณาบริการกู้สินเชื่อฉุกเฉินส่วนบุคคลจากธนาคารหรือแอปพลิเคชันที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงการกู้ยืมจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น เงินกู้นอกระบบที่มักมีดอกเบี้ยสูงเกินกำหนดและข้อผูกมัดที่ไม่เป็นธรรม
การมีเงินฉุกเฉินเปรียบเสมือนการมีเกราะป้องกันชีวิตในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เล็กน้อยหรือร้ายแรง เช่น การเจ็บป่วยกะทันหัน การสูญเสียงาน ค่าซ่อมรถ หรือค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงอื่นๆ เงินฉุกเฉินช่วยให้เราสามารถผ่านช่วงเวลายากลำบากเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืม หรือสร้างภาระทางการเงินที่มากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว ควรเก็บเงินฉุกเฉินไว้ประมาณ 3-6 เดือน ของค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่หากมีภาระผูกพันทางการเงินสูง เช่น มีหนี้สิน หรือมีครอบครัว ก็ควรมีเงินเก็บฉุกเฉินไว้ให้มากกว่านั้น ทั้งนี้การวางแผนทางการเงินอย่างมีวินัยจะช่วยให้เรามีเงินสำรองฉุกเฉินที่เพียงพอ เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ในอนาคตนั่นเอง